หากต้องการฟื้นฟูและดูแลสุขภาพระดับน้ำตาลในเลือดอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการป้องกันและบรรเทาโรคเบาหวาน อันดับแรกเราจำเป็นต้องเข้าใจสาเหตุที่แท้จริงของโรคเบาหวานให้ถูกต้องและครบถ้วนก่อน
ในประเทศไทย หลายคนยังเชื่อว่าโรคเบาหวานเกิดจากพฤติกรรมไม่ดีต่อสุขภาพ เช่น การทานอาหารหวานมากเกินไป การพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือการไม่ออกกำลังกาย แม้ความเชื่อนี้ไม่ผิดทั้งหมด แต่ก็ไม่อธิบายได้ว่าทำไมบางคนยังมีระดับน้ำตาลปกติ ขณะที่บางคนกลับเผชิญภาวะน้ำตาลสูงและโรคเบาหวานรุนแรง
สิ่งนี้ทำให้วงการแพทย์ต้องตั้งคำถามว่า: แล้วสาเหตุที่แท้จริงของโรคเบาหวานและภาวะที่เกี่ยวข้องคืออะไรกันแน่?
งานวิจัยทางการแพทย์สมัยใหม่จากมหาวิทยาลัยและสถาบันสุขภาพชั้นนำในญี่ปุ่น สหรัฐฯ และยุโรป พบว่า ความเสื่อมและความเสียหายของหลอดเลือดฝอยและตับอ่อน คือปัจจัยหลักของโรคเบาหวานและภาวะที่เกี่ยวข้อง — เช่น น้ำตาลในเลือดสูง ภาวะดื้อต่ออินซูลิน โรคไต และเบาหวานขึ้นตา ซึ่งความผิดปกติเหล่านี้ทำให้การไหลเวียนโลหิตและการเผาผลาญกลูโคสบกพร่อง นำไปสู่การเกิดภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังหากไม่ได้รับการดูแล
กลไกที่เงียบแต่แฝงไปด้วยอันตราย: ความเสื่อมของหลอดเลือดฝอยและตับอ่อน
เมื่อหลอดเลือดฝอยในร่างกายเริ่มเสื่อมและเปราะบางมากขึ้น ผนังหลอดเลือดจะสูญเสียความยืดหยุ่นและเกิดความเสียหาย ส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดและออกซิเจนถูกจำกัด
เมื่อเซลล์ตับอ่อนขาดสารอาหารและพลังงานอย่างต่อเนื่อง จะเกิดความผิดปกติในการทำงาน นำไปสู่ภาวะดื้อต่ออินซูลิน น้ำตาลในเลือดสูง ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น และกระตุ้นให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคไตและเบาหวานขึ้นตา ซึ่งจะทำให้สุขภาพโดยรวมแย่ลงอย่างต่อเนื่อง
กระบวนการนี้มักไม่มีอาการที่ชัดเจนในระยะแรก ทำให้หลายคนไม่รู้ตัวว่ากำลังเผชิญโรคเบาหวาน จนกว่าจะเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง
อาการเตือนที่มักถูกมองข้าม
เมื่อโรคเริ่มพัฒนา อาจมีอาการบางอย่างปรากฏขึ้น เช่น:
→ กระหายน้ำบ่อย ดื่มน้ำมากผิดปกติ
→ ปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะตอนกลางคืน
→ น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
→ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ขาดพลังงาน
→ แผลหายช้ากว่าปกติ หรือติดเชื้อบ่อย
→ มองเห็นไม่ชัด หรือเริ่มมีปัญหาการมองเห็นจากเบาหวานขึ้นตา
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอาการเหล่านี้มักไม่เฉพาะเจาะจง หลายคนจึงคิดว่าเป็นเพียงความเหนื่อยล้าธรรมดา ส่งผลให้ตรวจพบโรคช้า และพลาด “ช่วงเวลาทอง” ของการรักษา
ภาวะแทรกซ้อนรุนแรงหากไม่ได้รับการดูแลอย่างทันท่วงที
หากไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง โรคเบาหวานอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น:
→ เบาหวานขึ้นตา: ทำให้การมองเห็นพร่ามัวหรือสูญเสียการมองเห็นถาวร
→ โรคไตจากเบาหวาน: การทำงานของไตเสื่อมลง อาจถึงขั้นไตวายเรื้อรัง
→ โรคประสาทส่วนปลาย: ชา ปวด หรือเสียวซ่าตามแขนขา สูญเสียการรับความรู้สึก
→ โรคหัวใจและหลอดเลือด: เสี่ยงต่อหัวใจวายและหลอดเลือดสมองตีบ
→ แผลเบาหวานเรื้อรัง: แผลหายช้า เสี่ยงติดเชื้อรุนแรงจนต้องตัดอวัยวะ
→ เสียชีวิตก่อนวัยอันควร: จากภาวะแทรกซ้อนรุนแรงหลายระบบในร่างกาย
ภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต แต่ยังอาจทำให้ผู้ป่วยสูญเสียความสามารถในการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว